Skip to main content

“แกรี่ เนวิลล์” เผย มีนักเตะเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เซอร์อเล็กซ์ขอความเห็นลูกทีมก่อนเซ็นสัญญา

ในเดือนมกราคม 2004 แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดได้เซ็นสัญญากับ “หลุยส์​ ซาฮา” ศูนย์หน้าชาวฝรั่งเศสด้วยค่าตัว 13.8 ล้านปอนด์จากฟูแลม



ศูนย์หน้าชาวฝรั่งเศสสร้างความประทับใจให้กับแฟนบอลฟูแลมเป็นอย่างมากในระยะเวลาสามฤดูกาลครึ่งที่อยู่กับสโมสร ก่อนจะย้ายมาอยู่ในถิ่นโอลด์แทร็ฟฟอร์ดพร้อมกับสถิติ 13 ประตูในการลงเล่น 21 เกม ในฤดูกาล 2003-2004


“ซาฮา” อยู่กับแมนยูฯ ทั้งหมด 5 ฤดูกาล ยิงไป 42 ประตูในการลงเล่น 124 เกม ชนะเลิศพรีเมียร์ลีก 2 ครั้ง แชมเปียนส์ลีกอีกหนึ่งครั้งในปี 2007-2008

แม้ว่า “ซาฮา” จะไม่เคยลงเล่นให้กับแมนยูเกิน 25 เกมต่อฤดูกาลเลยเนื่องจากปัญหาอาการบาดเจ็บ แต่ก็ถือว่าประสบความสำเร็จในถิ่นโอลด์แทร็ฟฟอร์ดเป็นอย่างมาก เขาทำประตูในเกมสำคัญ ๆ ได้หลายครั้งภายใต้การคุมทีมของ “เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน”

“แกรี่ เนวิลล์” ได้เปิดเผยเกี่ยวกับศูนย์หน้าชาวฝรั่งเศสรายนี้เอาไว้ว่า “ซาฮา” เป็นเพียงนักเตะรายเดียวที่ท่าน “เซอร์อเล็กซ์” มาปรึกษาลูกทีมก่อนจะตัดสินใจเซ็นแข้งรายนี้หลังจากการพบกับฟูแลมในรายการเอฟเอคัพ

“เซอร์อเล็กซ์ไม่เคยถามพวกเรามาก่อนว่าเขาควรเซ็นสัญญากับผู้เล่นคนไหน หรือขอข้อมูลอะไรเกี่ยวกับผู้เล่นจากเราเลย” เนวิลล์กล่าวกับ Sky Sports News
“แต่หลังจากที่เราเล่นกับฟูแลมในเกมเอฟเอคัพ (ในปี 2001)” เขาถามพวกเราในฐานะกองหลังว่าถ้าเป็นพวกเราจะเซ็นสัญญากับหลุยส์ ซาฮา หรือไม่ และพวกเราก็ตอบออกไปตรงๆ ว่าใช่”
“ผมจำได้ว่าในฤดูกาลที่เขาเล่นข้างหน้ากับเวย์น รูนีย์ ในปี 2006 และมันน่าทึ่งมาก พวกเขาสุดยอดด้วยกันมาก ๆ”

“หลุยส์สุดยอดมาก เขาเป็นนักเตะที่สุดยอด เขามอบฝันร้ายให้กับผมในเวลาที่เราต้องเล่นกับเขาตอนเขาเล่นให้กับฟูแลม ทั้งเขาและหลุยส์ บัว มอร์ต”

“หลุยส์ ซาฮา เป็นอีกหนึ่งการเซ็นสัญญาที่ยิ่งใหญ่ จากฟูแลมในปี 2004 แต่ปัญหาอาการบาดเจ็บเรื้อรัง เราเฝ้าดูเขามาสองสามครั้งแล้วที่เม็ทซ์ แต่จากรายงานของแมวมองไม่มีอะไรชี้เลยว่าเขาจะเป็นเป้าหมายของสโมสรใหญ่ ๆ”

“ในเกมเอฟเอคัพที่คราเวน คอตเทจ เขาเล่นงานเวส บราวน์ที่เส้นครึ่งสนาม ช่วยให้ฟูแลมทำปรตูได้ จากที่เราเฝ้าดูเขามาตลอด และพอถึงเดือนมกราคมก็พร้อมสำหรับการย้ายทีม”

ที่มา: punditarena.com

Comments

Popular posts from this blog

วิธีการแก้ไขปัญหาซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์

ปัญหาการใช้ซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ในประเทศไทย เป็นปัญหาที่แก้กันไม่ตก เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่มีรายได้ต่อหัวของประชากรค่อนข้างต่ำ แต่รสนิยมในการบริโภคกลับไม่ต่ำตาม จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีการผลิตของลอกเลียนแบบ หรือของละเมิดลิขสิทธิ์ในอัตราที่สูงจนติดอันดับต้นๆ ของโลก ไม่เพียงรวมไปถึงผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ ที่มีการละเมิดลิขสิทธิ์ติดอันดับโลก แต่รวมไปถึงสินค้าแบรนด์เนมสุดหรูอย่างเสื้อผ้า กระเป๋า น้ำหอม เครื่องสำอางอีกด้วย ซอฟต์แวร์ที่มีการละเมิดลิขสิทธิ์ มีตั้งแต่ซอฟต์แวร์ประเภทระบบปฏิบัติการ อย่าง Windows และ Mac OS ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในในสำนักงาน อย่าง MS Office ซอฟต์แวร์ที่ใช้ในงานออกแบบ อย่าง Adobe Creative Suit รวมไปถึงซอฟต์แวร์ที่ใช้ทำงานเฉพาะด้านอย่าง CAD/CAM และอีกมากมายหลายประเภท ผู้ที่เสาะแสวงหาซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์นั้นส่วนใหญ่เป็นบุคคลธรรมดา เพราะพวกเขาเหล่านั้นคิดว่าการใช้ซอฟต์แวร์ปลอมตรวจจับได้ยาก อีกทั้งการใช้ซอฟต์แวร์ปลอมก็ไม่ได้ทำให้เขาสูญเสียผลประโยชน์แต่อย่างใด ซึ่งผิดกับนิติบุคคล อย่างองค์กรของรัฐ หรือบริษัทต่างๆ ที่ต้องการการบำรุงรักษาระบบ และบริการหลังการขาย...

เพื่อนสนิท ไม่ว่าจะไม่เจอกันนานแค่ไหน เมื่อกลับมาเจอกันใหม่ก็ยังรู้สึกสนิทกันเหมือนเดิมจริงหรือ?

เคยมีคนบอกเอาไว้ว่า " เพื่อนสนิท ไม่ว่าจะไม่เจอกันนานแค่ไหน เมื่อกลับมาเจอกันใหม่ก็ยังรู้สึกสนิทกันเหมือนเดิม " ผมว่ามันไม่จริงเสมอไป อาจจะต้องเริ่มอธิบายกันก่อนว่าทำไมเราถึงรู้สึกสนิทกับใครบางคน การที่เราจะสนิทกับใครสักคนเราต้องกิจกรรมทางสังคมหลายๆ อย่างด้วยกันบ่อยๆ มีกิจกรรมร่วมกัน เช่น ไปกินข้าวด้วยกันประจำ ไปเที่ยวด้วยกันประจำ คุยกันเป็นประจำ ไปมาหาสู่กันบ่อยๆ เป็นต้น การที่เราจะทำกิจกรรมแบบนี้กับใครสักคนได้เป็นประจำ เชื่อเถอะว่าคุณกับเขา ต้องมีความคิดเห็น นิสัย ความชอบอะไรเหมือนๆ กัน เอาจริงๆ คือแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่คนชอบกินอะไรคนละอย่างแต่ดันไปกินข้าวด้วยกันเป็นประจำ หรือคนที่ชอบคุยกันคนละเรื่องแต่ก็ดันคุยกันด้วยกันทุกวัน คนที่ชอบเที่ยวกันคนละสไตล์แต่ก็ดันไปเที่ยวด้วยกันเป็นประจำอีก อาจจะมีข้อยกเว้นนะ แต่ผมว่าโอกาสเป็นไปได้น้อยมากๆ ข้อเท็จจริงข้อหนึ่งที่ต้องยอมรับกันก็คือ นิสัย ความชอบ ทัศนคติของคนเราเปลี่ยนแปลงได้เสมอ ในขณะที่เพื่อนสนิทต่างต้องแยกย้ายกันไปมีชีวิตของตนเอง ต่างคนต่างต้องเผชิญกับชีวิตรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป ประสบการณ์ต่างๆ ที่ต่างคนต่างพบเจอนี่แหละ ท...

รหัสบัตรเครดิต ภัยอินเทอร์เน็ต

ยุคนี้เป็นยุคของเทคโนโลยีสารสนเทศ อินเทอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทกับชีวิตประจำวันของเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการรับรู้ข่าวสาร การติดต่อสื่อสาร หรือแม้แต่การซื้อ-ขายสินค้า และบริการ ก็สามารถดำเนินการผ่านทางอินเทอร์เน็ตได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ยิ่งเทคโนโลยีก้าวล้ำหน้าไปเพียงใด ผู้ที่คิดจะทำเทคโนโลยีมาใช้ในทางฉ้อฉลก็ยิ่งมีมากขึ้นเป็นเงาตามตัว การซื้อ-ขายสินค้า และบริการผ่านทางอินเทอร์เน็ต นิยมใช้บัตรเครดิตในการชำระค่าสินค้า โดยลูกค้าจะต้องให้รหัสบัตรเครดิตแก่ผู้ขายสินค้า อาจมีผู้ไม่ประสงค์ดีสามารถดักจับข้อมูลรหัสบัตรเครดิต และข้อมูลสำคัญอื่นนอกจากนี้ได้ อีกวิธีที่เป็นที่นิยมในการโจรกรรมข้อมูลส่วนตัวคือ การแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ของสถาบันการเงิน แล้วแจ้งไปยังเหยื่อ อาจใช้อีเมล จดหมาย หรือทางโทรศัพท์ อ้างว่ามีเหตุขัดข้องบางประการเกี่ยวกับบัญชีของเหยื่อ เช่น อ้างว่าบัญชีของเหยื่อถูกระงับชั่วคราว ถูกยกเลิก หรือถูกเพิกถอน โดยหลอกให้เหยื่อเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว เช่น หมายเลขประจำตัวประชาชน รหัสบัตรเครดิต รหัสผ่าน หมายเลขบัญชีธนาคาร วันเดือนปีเกิด เป็นต้น เมื่อได้ข้อมูลสำคัญเหล่านี้แล้ว ก็จะทำ...