สัปดาห์ก่อนได้มีโอกาสเข้าเรียนภาษาอังกฤษที่ทางบริษัทจัดให้ ได้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ a และ the หรือที่คนทั่วไปเรียกว่า article
อย่างที่ทราบกันดีอยู่ก่อนแล้วว่าเราใช้ a เมื่อต้องการกล่าวถึงสิ่งใดๆ ที่เป็นเอกพจน์แบบไม่เฉพาะเจาะจง และใช้ the ในกรณีที่ต้องการกล่าวถึงสิ่งที่เฉพาะเจาะจง เช่น Samsung has unveiled a tablet that can switch between the Windows 8 and Android operating systems. ในกรณีนี้เป็นการบอกว่า Samsung เปิดตัวคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตตัวใหม่รุ่นหนึ่ง แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นรุ่นอะไร เป็นการกล่าวถึงสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นครั้งแรก และใช้ the เมื่อกล่าวถึงระบบปฏิบัติการ Windows 8 และ Android ที่เป็นชื่อเฉพาะ
แต่เมื่อมีการกล่าวซ้ำอีกรอบ จะมีการเปลี่ยนไปใช้ the เพราะผู้อ่านหรือผู้ฟังทราบแล้วว่าเราต้องการกล่าวถึงแท็บเล็ตตัวไหน The tablet has a 13.3in (33.8cm) screen. หรือถ้าต้องการระบุเฉพาะเจาะจงลงไปเลยว่าเป็นรุ่นนี้ ก็จะใช้เป็น The Ativ Q has a 13.3in (33.8cm) screen.
มีข้อยกเว้นบางอย่างที่ฝรั่งจะใช้ the กัน แม้ว่าจะไม่ได้ระบุเฉพาะเจาะจง เช่น เมื่อพูดถึง the doctor หรือ the dentist กรณีนี้แม้จะไม่ต้องการระบุว่าจะไปหาหมอที่เป็นใครที่ไหน I’m going to see the doctor. แม้จะพูดถึง doctor เหมือนกัน แต่กลับใช้ a เช่น My sister is a doctor.
มีอีกกรณีที่อาจารย์ฝรั่งยกตัวอย่างก็คือ the bank, the post office ลักษณะนี่เวลาพูดถึงก็มักจะใช้ the เช่น I’m going to the bank this afternoon. แม้ว่าผู้พูดจะไม่ได้บอก และผู้ฟังก็ไม่ได้สนใจว่าเป็นธนาคาสาขาไหนก็ตาม
ส่วนเรื่องนี้ถือเป็นความรู้ใหม่จริงๆ อาจารย์ฝรั่งพูดถึง radio กับ television โดยยกตัวอย่างบทสนทนานี้
a: Do you often listen to the radio?
b: No. In fact, I haven’t got a radio.
บทสนทนานี้แสดงตัวอย่างให้เห็นถึงความแตกต่างเมื่อเราใช้ a กับ the กับ radio เป็นการทั่วไป ซึ่งรวมถึงการใช้กับ television ด้วย เมื่อเราใช้ the radio หรือ the television เราพูดถึงเนื้อหาที่เราดูหรือฟัง แม้จะไม่ได้ระบุว่าเป็นรายการไหน คลื่นหรือช่องอะไร แต่เมื่อใช้ a radio หรือ a television เราพูดถึงตัวเครื่องที่จับต้องได้แบบไม่ระบุเช่นกัน
อาจารย์ฝรั่งที่สอนก็แสดงความเห็นใจอยู่เหมือนกันว่ามันน่าสับสนสำหรับคนที่ไม่ใช่ native speaker ที่จะมาจดจำข้อยกเว้นแบบนี้ แต่โดยส่วนตัวเข้าใจว่า ภาษาเป็นเรื่องของความเคยชิน ถ้าใช้กันบ่อยๆ เราก็น่าจะติดปากไปเอง
อย่างที่ทราบกันดีอยู่ก่อนแล้วว่าเราใช้ a เมื่อต้องการกล่าวถึงสิ่งใดๆ ที่เป็นเอกพจน์แบบไม่เฉพาะเจาะจง และใช้ the ในกรณีที่ต้องการกล่าวถึงสิ่งที่เฉพาะเจาะจง เช่น Samsung has unveiled a tablet that can switch between the Windows 8 and Android operating systems. ในกรณีนี้เป็นการบอกว่า Samsung เปิดตัวคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตตัวใหม่รุ่นหนึ่ง แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นรุ่นอะไร เป็นการกล่าวถึงสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นครั้งแรก และใช้ the เมื่อกล่าวถึงระบบปฏิบัติการ Windows 8 และ Android ที่เป็นชื่อเฉพาะ
แต่เมื่อมีการกล่าวซ้ำอีกรอบ จะมีการเปลี่ยนไปใช้ the เพราะผู้อ่านหรือผู้ฟังทราบแล้วว่าเราต้องการกล่าวถึงแท็บเล็ตตัวไหน The tablet has a 13.3in (33.8cm) screen. หรือถ้าต้องการระบุเฉพาะเจาะจงลงไปเลยว่าเป็นรุ่นนี้ ก็จะใช้เป็น The Ativ Q has a 13.3in (33.8cm) screen.
มีข้อยกเว้นบางอย่างที่ฝรั่งจะใช้ the กัน แม้ว่าจะไม่ได้ระบุเฉพาะเจาะจง เช่น เมื่อพูดถึง the doctor หรือ the dentist กรณีนี้แม้จะไม่ต้องการระบุว่าจะไปหาหมอที่เป็นใครที่ไหน I’m going to see the doctor. แม้จะพูดถึง doctor เหมือนกัน แต่กลับใช้ a เช่น My sister is a doctor.
มีอีกกรณีที่อาจารย์ฝรั่งยกตัวอย่างก็คือ the bank, the post office ลักษณะนี่เวลาพูดถึงก็มักจะใช้ the เช่น I’m going to the bank this afternoon. แม้ว่าผู้พูดจะไม่ได้บอก และผู้ฟังก็ไม่ได้สนใจว่าเป็นธนาคาสาขาไหนก็ตาม
ส่วนเรื่องนี้ถือเป็นความรู้ใหม่จริงๆ อาจารย์ฝรั่งพูดถึง radio กับ television โดยยกตัวอย่างบทสนทนานี้
a: Do you often listen to the radio?
b: No. In fact, I haven’t got a radio.
บทสนทนานี้แสดงตัวอย่างให้เห็นถึงความแตกต่างเมื่อเราใช้ a กับ the กับ radio เป็นการทั่วไป ซึ่งรวมถึงการใช้กับ television ด้วย เมื่อเราใช้ the radio หรือ the television เราพูดถึงเนื้อหาที่เราดูหรือฟัง แม้จะไม่ได้ระบุว่าเป็นรายการไหน คลื่นหรือช่องอะไร แต่เมื่อใช้ a radio หรือ a television เราพูดถึงตัวเครื่องที่จับต้องได้แบบไม่ระบุเช่นกัน
อาจารย์ฝรั่งที่สอนก็แสดงความเห็นใจอยู่เหมือนกันว่ามันน่าสับสนสำหรับคนที่ไม่ใช่ native speaker ที่จะมาจดจำข้อยกเว้นแบบนี้ แต่โดยส่วนตัวเข้าใจว่า ภาษาเป็นเรื่องของความเคยชิน ถ้าใช้กันบ่อยๆ เราก็น่าจะติดปากไปเอง
Comments